เกริ่นนำ
บูลทูธ (Bluetooth) คือเทคโนโลยีการสื่อสารคอมพิวเตอร์แบบไร้สายประเภทหนึ่ง เทคโนโลยีบูลทูธเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาสำหรับการสื่อสารในระยะใกล้ภายในรัศมีของบุคคลหนึ่ง ๆ หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายแบบ Wireless Personal Area Network (WPAN) หน่วยงาน IEEE ได้กำหนดให้บูลทูธเป็นมาตรฐานในชื่อ IEEE 802.15 WPAN เทคโนโลยีบูลทูธรับส่งข้อมูลโดยใช้ความถี่ย่าน 2.4 GHz ซึ่งเป็นความถี่ย่านเดียวกับเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายแบบไวไฟ (WiFi) อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีบูลทูธจะเน้นที่การสื่อสารภายในรัศมีของบุคคลที่มีปริมาณข้อมูลรับส่งต่อเวลาไม่สูงนัก ขณะที่เทคโนโลยีไวไฟจะเหมาะกับการสื่อสารที่มีปริมาณข้อมูลรับส่งต่อเวลาสูงกว่า
พัฒนาการของมาตรฐานบูลทูธ
นับตั้งแต่หน่วยงาน Bluetooth SIG ซึ่งเป็นผู้กำหนดมาตรฐานบูลทูธได้ประกาศมาตรฐานบูลทูธรุ่น 1.0 เมื่อปี 2542 นั้น มาตรฐานบูลทูธก็ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปี แม้จุดประสงค์แรกเริ่มของบูลทูธคือการติดต่อสื่อสารแบบอนุกรม (serial communication) แบบไร้สายแต่การพัฒนาการบูลทูธอย่างต่อเนื่องก็ทำให้การใช้งานบูลทูธเปลี่ยนแปลงจากเดิมเป็นอย่างมาก การพัฒนาการของมาตรฐานบูลทูธจะมุ่งไปที่ความสามารถ 3 ด้านคือ ระยะใช้งาน ความสามารถในการรับส่งข้อมูล และพลังงานที่ใช้ ทั้งนี้อาจแบ่งการพัฒนาบูลทูธได้เป็น 2 ระยะใหญ่ ๆดังนี้
บูลทูธยุคนี้หมายถึงรุ่น 1.0 – 3.0 ซึ่งมีประสิทธิภาพด้อยกว่าบูลทูธยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก บูลทูธรุ่น 1.0 ใช้เทคนิคการมอดูเลชั่นแบบความถี่ (Frequency Modulation : FM ) ที่ใช้สองความถี่แทนค่า 0 และ 1 โดยใช้วิธี Gaussian Frequency Shift Keying (GFSK) เพื่อลดการรบกวน สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุดเพียง 1 Mbps เรียกว่า basic rate และมีระยะใช้งานสูงสุด 10 เมตรเท่านั้น บูลทูธ 2.0 ได้เพิ่มการมอดูเลชั่นแบบเฟส (Phase Modulation : PM) คือ p/4-DQPSK and 8DPSK ทำให้สามารถเพิ่มความสามารถด้านการรับส่งข้อมูลสูงสุดเป็น 2 – 3 Mbps ได้ ต่อมาบูลทูธ 3.0 ได้เพิ่มความสามารถด้านการรับส่งข้อมูลตาม IEEE 802.11 โดยกำหนดให้เป็นทางเลือก ทำให้ความสามารถด้านการรับส่งข้อมูลสูงสุดเป็น 24 Mbps
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์บูลทูธในยุคแรกนี้ยังไม่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากนักโดยเฉพาะการนำไปใช้กับอุปกรณ์ขนาดเล็กและอุปกรณ์ด้าน IoT เนื่องจากบูลทูธยุคนี้ต้องการใช้พลังงานสูงมาก
เนื่องจากข้อด้อยการใช้พลังงานระดับสูงของอุกรณ์บูลทูธคลาสสิกทำให้หน่วยงาน Bluetooth SIG ได้พัฒนามาตรฐาน Bluetooth ขึ้นมาใหม่ที่ทำงานร่วมกับมาตรฐานเดิมไม่ได้ แต่สามารถประหยัดพลังงานมากขึ้นและประกาศใช้งานมาตรฐาน 4.0 ในปี 2554 โดยใช้ชื่อทางการตลาดว่า Bluetooth SMART อย่างไรก็ตามข้อกำหนดของ Bluetooth 4.0 กำหนดว่าอุปกรณ์สามารถเลือกที่จะรองรับการทำงานแบบใดแบบหนึ่ง หรือรองรับการทำงานทั้งสองแบบก็ได้ ต่อมาในปี 2559 หน่วยงาน Bluetooth SIG ก็ยกเลิกการใช้คำว่า Bluetooth SMART เหลือเพียงแต่คำว่า Bluetooth และรู้จักกันทั่วไปในชื่อ Bluetooth Low Energy หรือ BLE นอกจากความสามารถด้านการประหยัดพลังงานแล้ว อุปกรณ์ BLE ยังสามารถเชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวนอีกด้วย (เดิมบูลทูธคลาสสิกจำกัดการเชื่อมต่อสูงสุดที่ 7 อุปกรณ์ )
บูลทูธรุ่น 4.0 ที่ทำงานแบบ BLE นั้นเริ่มใช้เทคนิค Frequency-hopping spread spectrum (FHSS) แต่ยังจำกัดความสามารถในการรับส่งข้อมูลสูงสุดไว้ที่ 1 Mbps (ความสามารถเท่ากับ basic rate ของ รุ่น 1.0 แต่ประหยัดพลังงานมากกว่า ) แม้ความสามารถด้านการรับส่งข้อมูลแบบ BLE จะไม่สูงมากนัก แต่ก็มากพอสำหรับอุปกรณ์หลายประเภท เช่นอุปกรณ์ติดตามการออกกำลังกาย (fitness tracker) หรืออุปกรณ์ IoT จึงทำให้เกิดอุปกรณ์บูลทูธใหม่ ๆ เกิดขึ้นในตลาดอย่างมากมาย
บูลทูธรุ่น 5.0 ที่ทำงานแบบ BLE ยังคงเน้นเรื่องการประหยัดพลังงานแต่เพิ่มความสามารถด้านการรับส่งข้อมูลที่หลากหลายขึ้นโดยแบ่งความสามารถด้านนี้ออกเป็น 4 ระดับ คือ 125 kbps, 500 kbps, 1 Mbps และ 2 Mbps หากต้องการรับส่งข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นก็ต้องแลกกับระยะทางการใช้งานที่ลดลง แต่ถ้าต้องการระยะทางใช้งานที่ใกล้ขึ้นเช่น 200 เมตรก็ต้องยอมรับส่งข้อมูลที่ 125 kbps เป็นต้น ความสามารถที่เพิ่มขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งของบูลทูธรุ่น 5.0 คือมีช่องทางการสื่อสารระหว่างหูฟังผ่าน BLE ทำให้หูฟังประหยัดพลังงานมากขึ้น อีกทั้งบูลทูธ 5.0 ยังรองรับการส่งสัญญาณเสียงไปยังอุปกรณ์เชื่อมต่อพร้อม ๆ กัน 2 อุปกรณ์ได้ ดังนั้นหากโทรศัพท์หรือเครื่องเล่นเพลงรองรับบูลทูธ 5.0 ก็จะสามารถส่งสัญญาณเสียงคุณภาพดีไปยังหูฟังบูลทูธ 2 คู่พร้อม ๆ กันได้
ปัจจุบันมาตรฐานบูลทูธคือรุ่น 5.1 ซึ่งประกาศเมื่อเดือนมกราคม 2562 ซึ่งรองรับการหาตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ความแม่นยำระดับเซ็นติเมตร
ความสามารถของมาตรฐานบูลทูธรุ่นต่าง ๆ แบบย่อ เป็นไปตามตารางที่ 1
ชื่อมาตรฐาน |
ความสามารถที่เพิ่มขึ้น |
รับส่งข้อมูลได้สูงสุด |
Bluetooth V1.0 |
Basic Rate |
1 Mbps |
Bluetooth V2.0 |
EDR (Enhanced Data Rate) |
3 Mbps |
Bluetooth V2.1 |
Secure Simple Pairing |
3 Mbps |
Bluetooth V3.0 |
HS (High Speed Protocol) |
24 Mbps |
Bluetooth V4.0 |
LE (Low Energy Protocol) 1 Mbps max |
24 Mbps |
Bluetooth V4.2 |
LE with Secure connection |
54 Mbps |
Bluetooth V5.0 |
IoT (Internet of Things) |
54 Mbps |
Bluetooth V5.1 |
Location finding |
54 Mbps |
ตารางที่ 1 ความสามารถมาตรฐานบูลทูธรุ่นต่าง ๆ แบบย่อ
ระยะใช้งานของอุปกรณ์บูลทูธ
ระยะใช้งานของอุปกรณ์บูลทูธขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่นการใช้งานภายในอาคารหรือภายนอกอาคาร ความสามารถในการรับส่งข้อมูล ลักษณะเสาอากาศ และกำลังส่งของอุปกรณ์ ทั้งนี้อุปกรณ์บูลทูธแบ่งประเภทกำลังส่งเป็น 3 ประเภทคือ
การเชื่อมต่ออุปกรณ์บูลทูธ
การนำอุปกรณ์บูลทูธมาใช้งานครั้งแรกนั้น ผู้ใช้งานจำเป็นจะต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์บูลทูธเข้าด้วยกันเสียก่อน กระบวนการนี้เรียกว่าการจับคู่อุปกรณ์ (pairing) วิธีการจับคู่อุปกรณ์ของบูลทูธหลายวิธี คือ
เทคโนโลยีบูลทูธกับงานด้านต่าง ๆ
มาตรฐานบูลทูธรุ่นต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้นนั้นเป็นการระบุถึงความสามารถพื้นฐานในการด้านการรับส่งข้อมูล เทคโนโลยีบูลทูธสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับงานด้านต่าง ๆ ได้มากมาย อย่างไรก็ตามเพื่อให้อุปกรณ์ต่างยี่ห้อสามารถทำงานร่วมกันได้เช่นหูฟังไร้สายกับโทรศัพท์ไม่จำเป็นต้องเป็นยี่ห้อเดียวกัน หรือ คีย์บอร์ดไร้สายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างยี่ห้อก็สามารถทำงานร่วมกันได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีข้อตกลงการใช้เทคโนโลยีบูลทูธสำหรับงานด้านต่าง ๆ ข้อตกลงนี้เรียกว่าบูลทูธโปรไฟล์ ( Bluetooth profile) ดังอย่างบูลทูธโปรไฟล์ที่พบได้ทั่วไปเช่น เช่น